พรมเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและบรรยากาศอบอุ่นให้กับบ้าน แต่หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม พรมก็อาจกลายเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละออง คราบสกปรก และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ กลิ่นบนพรมเหล่านี้อาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น
- ฝุ่นละออง ฝุ่นละอองสะสมเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดกลิ่นอับชื้น
- คราบอาหารและเครื่องดื่ม คราบเหล่านี้หากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างทันท่วงที จะเกิดเป็นกลิ่นเหม็นเปรี้ยว
- สัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงอาจฉี่หรืออาเจียนบนพรม
- ความชื้น ความชื้นสูง
กลิ่นบนพรมไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญใจ แต่ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย
บทความนี้ขอนำเสนอ 5 วิธีกำจัดกลิ่นบนพรมง่าย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งบริการมืออาชีพ ช่วยให้บ้านของคุณกลับมาหอมสดชื่น
1. ดูดฝุ่นเป็นประจำ
การดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยกำจัดฝุ่นละออง เศษสิ่งสกปรก และขนสัตว์เลี้ยงที่สะสมอยู่บนพรม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นอับชื้น
- แนะนำ
- ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีหัวดูดสำหรับพรมโดยเฉพาะ
- ดูดฝุ่นในแนวตั้งและแนวนอน
- ดูดฝุ่นบริเวณขอบพรม
2. โรยเบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่น
- วิธีใช้
- โรยเบกกิ้งโซดาให้ทั่วพรม ทิ้งไว้ 30 นาที – 1 ชั่วโมง
- ใช้แปรงขัดเบกกิ้งโซดาเบา ๆ
- ดูดฝุ่นออก
- หมายเหตุ:
- เบกกิ้งโซดาอาจทำให้สีของพรมเปลี่ยนแปลง ควรลองใช้บริเวณที่ไม่auffälligก่อน
- ห้ามใช้เบกกิ้งโซดากับพรมไหม
3. น้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- วิธีใช้
- ผสมน้ำส้มสายชูขาวกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1
- เทใส่ขวดสเปรย์ ฉีดพ่นบนพรม
- ทิ้งไว้ 15-20 นาที
- เช็ดด้วยผ้าสะอาด
- หมายเหตุ:
- กลิ่นน้ำส้มสายชูจะระเหยไปเอง
- ห้ามใช้กับพรมไหม
4. น้ำยาทำความสะอาดพรม เลือกน้ำยาทำความสะอาดพรมสูตรเฉพาะ
- วิธีใช้
- ผสมน้ำยาตามคำแนะนำบนฉลาก
- ใช้แปรงขัดพรม
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- เช็ดให้แห้ง
- หมายเหตุ:
- ทดสอบน้ำยาทำความสะอาดบริเวณที่ไม่auffälligก่อน
- สวมถุงมือยางเมื่อใช้
5. แสงแดด
แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรคและดับกลิ่น
- วิธีใช้
- นำพรมไปตากแดด
- แปรงพรมเบา ๆ เพื่อกำจัดฝุ่น
- ตากจนแห้งสนิท
- หมายเหตุ:
- ไม่ควรตากแดดนานเกินไป เพราะอาจทำให้สีของพรมซีดจาง
เคล็ดลับเพิ่มเติม
- วางถ่านหิน หรือ กากกาแฟ บนพรมเพื่อดูดกลิ่น
- ใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อช่วยขจัดกลิ่น
- เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศในบ้านเป็นประจำ
การทำความสะอาดพรมอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันกลิ่นอับชื้น กลิ่นเหม็น และแบคทีเลียได้